สผ. | แผงผังเว็บ | ดาวน์โหลด | ติดต่อ CHM  
   Thai ภาษาไทย | Eng English  

ความรู้ทางขนธรรมเนียมประเพณี

ชื่อ 
ภาค
จังหวัด
ระยะเวลา 

ผีตาโขน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
จังหวัดเลย
ช่วงเดือน พฤษภาคม-มิถุนายน ของทุกปี

ความสำคัญ

ผีตาโขนเป็นประเพณีการละเล่นพื้นบ้านที่แสดงออกถึงศิลปวัฒนธรรมอันดีงามน่าภาคภูมิใจอย่างหนึ่งของชาวอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ซึ่งได้ยึดถือสืบทอดมาตั้งแต่ครั้งบรรพกาล

เทศกาลงานบุญผีตาโขนนี้เป็นส่วนหนึ่งของ “ งานบุญหลวง” ซึ่งถือเป็นงานบุญใหญ่ประจำปีของท้องถิ่น โดยรวมเอา”งานบุญพระเวส” (ฮีตเดือนสี่) และ”งานบุญบั้งไฟ” (ฮีตเดือนหก) เข้าไว้เป็นงานบุญเดียวกัน งานบุญพระเวสนั้นเป็นงานบุญที่จัดขึ้นเพื่อฟังเทศน์มหาชาติทั้ง ๑๓ กัณฑ์  ซึ่งเชื่อว่าจะได้อนิสงค์แรงกล้า บันดาลให้พบพระศรีอาริยเมตไตรยในชาติหน้าส่วยงานบุญบั้งไฟเป็นงานบุญที่จัดขึ้นเพื่อบูชาอารักษ์หลักเมือง และถือเป็นประเพณีการแห่ขอฝนให้ตกต้องตามฤดูกาลในงานบุญหลวงนี้จะมี “ผีตาโขน” ออกวาดลวดลายทั่วเมืองด่านซ้าย  ร่วมสร้างความสนุกสนานครื้นเครงไปในขบวนแห่ด้วย

ที่มาของคำว่า “ ผีตาโขน” นั้น  บ้างก็ว่าน่าจะมาจากการที่ผีเหล่านี้สวมหน้ากากคล้ายลักษณะของหัวโขนแต่เดิมบางคนเรียก “ผีตาขน” แต่ก็หาความหมายไม่ได้ชัดแจ้ง  และจากคำบอกเล่าของเจ้าพ่อกวน(ผู้นำทางพิธีกรรมของชาวด่านซ้าย)ขณะเข้าทรงว่า”ผีตาคน”มางามบุญต่อมาจึงเพี้ยนเป็น “ผีตาโขน”

อุปกรณ์สำหรับการแต่งตัวในการละเล่นผีตาโขน คือหวดนึ่งข้าวเหนียว (ไม้ไผ่; Bambusa sp.)  และแกนก้านมะพร้าว (มะพร้าว; Cocos  nucifera L.) มาทำหน้ากากผีตาโขนด้วยการวาดลวดลายเพิ่มสีสันเป็นผีตาโขนที่หน้าตาโหดร้ายน่ากลัว หา "หมากกะแหล่ง" หรือกระดึงผูกคอวัวควายมาทำเป็นเครื่องประดับ และที่สำคัญที่สุดที่ผีตาโขนหลายตัวประณีตบรรจงประดิดประดอยเป็นที่สุดก็คือ อาวุธของผีตาโขนเป็นดาบใหญ่ ทำด้วยไม้มีทีเด็ดของดาบอยู่ที่ปลายด้ามดาบที่ทำเป็นรูปปลัดขิกอันโต ทายอดกลม ๆ เป็นสีแดงแจ๋ เอาไว้ไล่จิ้มสาว ๆ ในเมืองโดยเฉพาะ

พิธีในวันแรก เริ่มเวลาประมาณ  ๓  นาฬิกาด้วยพิธีเบิกพระอุปคุต  โดยคณะของแสนจะนำอุปกรณ์คือ  มีด  ดาบ  หอก ฉัตร  ถือเดินนำขบวนจากวัดโพนชัยไปริมแม่น้ำหมันเพื่อเชิญ  พระอุปคุต (คือก้อนกรวดสีขาว)ในแม่น้ำ  เล่าขานกันว่าเมื่อมีงานบุญใหญ่มักจะมีพวกมารมาผจญ  จึงต้องเชิญพระอุปคุตมาเพื่อช่วยปราบมารให้ราบคาบเมื่อได้พระอุปคุตมาแล้วจะนำใส่หาบเคลื่อนขบวนมาทำพิธีที่หอพระอุปคุตวัด

โพนชัย

วันที่หนึ่ง  ในตอนรุ่งเช้าจะมีการทำบุญตักบาตรที่วัดโพนชัย  หลังจากนั้นตอนสายจะมีขบวนแห่ไปบ้านเจ้าพ่อกวน  เพื่อทำพิธีบายศรีสู่ขวัญให้แก่เจ้าพ่อกวนและเจ้าแม่นางเทียม  เมื่อได้เวลาอันสมควร  เจ้าพ่อกวน  เจ้าแม่นางเทียม  คณะแสน  นางแต่ง  รวมถึงบรรดาผีตาโขนใหญ่  ผีตาโขนน้อย  ทั้งหลาย  ตลอดจนขบวนเซิ้งจะร่วมกันเคลื่อนขบวนแห่ไปยังวัดโพนชัย  เวียนรอบอุโบสถ ๓ รอบ  ซึ่งจะมีผีตาโขนเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆเที่ยวหลอกล้อผู้คนที่มาร่วมงามอย่างสนุกสนาน

วันที่สอง   บรรดาผีตาโขนจะเริ่มเล่นกันตั้งแต่เช้า  ส่วนใหญ่จะรวมกลุ่มกันอยู่ที่วัดโพนชัยเต้นตามจังหวะดนตรีจนถึงเวลาประมาณเวลา ๑๕ นาฬิกา  จะเป็นพิธี ”แห่พระเวสสันดรเข้าเมือง” (แห่พระ) ในขบวนแห่นี้ประกอบด้วย แสนด่าน (หัวหน้า คณะแสน) ถือพานบายศรีนำหน้า  ตามด้วยขบวนพระพุทธรูป ๑ องค์ พระสงค์ ๔ รูป และเจ้าพ่อกวนนั่งบนบั้งไฟ โดยมีเจ้าแม่นางเทียม  แสน  นางแต่ง  และประชาชนทั่วไปเดินตามขบวนที่ขาดไม่ได้ก็คือ  ผีตาโขน น้อยใหญ่ทั้งหลาย  เมื่อขบวนแห่ถึงวัดโพนชัยจะเดินเวียนรอบโบสถ์   ๓   รอบ ในระหว่างเคลื่อนขบวนจะมีการโปรยกัลปพฤกษ์ (เป็นเงินเหรียญห่อกระดาษเงิน กระดาษทอง)ทั้งเด็กและผู้ใหญ่จะแย่งกันเก็บเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองเป็นที่สนุกสนาน

หลังจากนั้นบรรดาผู้เล่นผีตาโขนจะนำชุดและอุปกรณ์ที่ใช้เล่นไปทิ้งลงแม่น้ำหมัน  ถือเป็นการลอยเคราะห์ให้ไหลล่องไปกับแม่น้ำ(แต่ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะเก็บไว้ใช้ประดับบ้านหรือเก็บไว้เล่นอีกในปีหน้า) และที่บริเวณด้านหลังของวัดโพนชัยจะเป็นพิธีจุดบั้งไฟ (ไม้ไผ่; Bambusa sp.)  เพื่อขอฝนเมื่อเสร็จแล้วต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้าน    และออกมาฟังเทศน์พระมาลัยหมื่นพระมาลัยแสนที่วัดโพนชัยในตอนค่ำ

วันที่สาม      จะเป็นการฟังเทศน์มหาชาติตลอดทั้งวัน       ตั้งแต่เช้ามืด เพื่อกล่อมเกลาจิตใจและได้อานิสงค์ผลบุญอันแรงกล้า  เป็นอันเสร็จพิธี

อ้างอิง

http://www.prapayneethai.com
http://www.tessabandansai.com
http://www.thaigoodview.com

...กลับ