ระบบนิเวศปะการัง

ระบบนิเวศปะการัง

     ระบบนิเวศแนวปะการัง เป็นระบบนิเวศทางทะเลที่มีความสำคัญต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ จำนวนมาก เนื่องจากแนวปะการังเป็นแหล่งอนุบาลตัวอ่อน แหล่งที่อยู่อาศัย แหล่งหลบภัย แหล่งอาหารของสัตว์น้ำ แหล่งวางไข่ แหล่งผสมพันธุ์ของสัตว์น้ำ และที่อยู่อาศัยของพืชและสัตว์ทะเลนานาชนิด เช่น เต่าทะเล หมึก กุ้ง หอย ปลา เป็นต้น จากการสำรวจ พบปลาในแนวปะการังมากกว่า 800 ชนิด จึงเปรียบได้ว่าแนวปะการังนั้นเปรียบเสมือนป่าดงดิบบนพื้นแผ่นดิน

สถานภาพของแนวปะการัง

      จากการสำรวจปะการังในน่านน้ำไทยของหลายหน่วยงาน พบปะการัง 18 วงศ์ 71 สกุล 388 ชนิด โดยพบแพร่กระจายอยู่ทั่วไปทั้งด้านชายฝั่งทะเลอ่าวไทยและชายฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งมีพื้นที่รวมประมาณ 96,300 ไร่ แบ่งเป็นเขตชายฝั่งทะเลอ่าวไทย 45,500 ไร่ และชายฝั่งทะเลอันดามัน 50,800 ไร่

สถานภาพของแนวปะการังบริเวณชายฝั่งทะเลอ่าวไทย

      ชายฝั่งทะเลอ่าวไทยมีพื้นที่แนวปะการัง 45,500 ไร่ โดยสภาพของแนวปะการังในอ่าวไทยทางด้านฝั่งตะวันออกมีสภาพสมบูรณ์ถึงสมบูรณ์ดีมากเช่นเดียวกับฝั่งตะวันตกของอ่าวไทย โดยบริเวณเกาะกระ จังหวัดนครศรีธรรมราช ไม่พบปัญหาความเสื่อมโทรมของแนวปะการัง (ตารางที่ 1)

ตารางที่ 1 สถานภาพของแนวปะการังบริเวณชายฝั่งทะเลอ่าวไทย

จังหวัด
พื้นที่ (ไร่)
สถานภาพ
ปะการังชนิดเด่น
สาเหตุการเสื่อมโทรม
จันทบุรี
37
ดีปานกลาง
ปะการังโขด ปะการังดาวใหญ่ ปะการังเขาหนัง ปะการังดอกกะหล่ำ
ความโปร่งใสของน้ำทะเลต่ำเนื่องจากอยู่ใกล้ชายฝั่ง
ตราด
9,937
ดีปานกลาง-ดี
ปะการังโขด ปะการังดาวใหญ่ ปะการังเขากวาง ปะการังโต๊ะ ปะการังสมอง ปะการังช่องเหลี่ยม
ตะกอนและน้ำเสียจากแหล่งท่องเที่ยวตาม
เกาะต่าง ๆ
ชลบุรี
4,687
ดีปานกลาง-ดี
ปะการังโขด ปะการังวงแหวน ปะการังแผ่น ปะการังเขากวาง
กิจกรรมการท่องเที่ยว เครื่องมือประมง น้ำมีปริมาณตะกอนมาก และขยะมูลฝอย
ระยอง
628
ดีปานกลาง-ดี
ปะการังโขด ปะการังดาวใหญ่ ปะการังเขากวาง ปะการังโต๊ะ ปะการังดอกเห็ด
ปริมาณน้ำจืดและตะกอนจากปากแม่น้ำระยองและ แม่น้ำประแสร์ กิจกรรมจากการท่องเที่ยว
ชุมพร
4,062
ดี
ปะการังเขากวาง ปะการังโขด ปะการังเคลือบ ปะการังอ่อน ปะการังอ่อนหนัง ปะการังดาวใหญ่ ปะการังสมอง ดอกไม้ทะเล
พายุ ตะกอนและเครื่องมือประมง
ประจวบคีรีขันธ์
1,250
ดี
ปะการังโขด ปะการังอ่อนหนัง ปะการังโต๊ะ ปะการังดอกกะหล่ำ ปะการังอ่อนดอกเห็ด
เครื่องมือประมง
นครศรีธรรมราช
347
ดีปานกลาง-ดีมาก
ปะการังเขากวาง ปะการังช่องเล็กแบบกิ่งและแบบแผ่น ปะการังสมอง ประการังดอกกะหล่ำ
ไม่พบปัญหาความเสื่อมโทรม
สุราษฎร์ธานี
24,187
ปานกลาง
ปะการังเขากวาง ปะการังโขด ปะการังเคลือบ ปะการังอ่อน ปะการังอ่อนหนัง ปะการังไฟแผ่น ปะการังสมอง
ตะกอนจากกิจกรรมการท่องเที่ยว และการขุดลอกร่องน้ำ
ปัตตานี
10
ดีปานกลาง-ดีมาก
ปะการังเขากวาง ปะการังโขด ปะการังอ่อน
เริ่มมีดาวหนามระบาดที่บริเวณเกาะโลซิน

หมายเหตุ: ปริมาณปกคลุมพื้นที่ คิดจาก

ปะการังมีชีวิต : ปะการังตาย = >3 ถึง 3 : 1         สภาพดีมาก

ปะการังมีชีวิต : ปะการังตาย = 2 : 1                  สภาพดี

ปะการังมีชีวิต : ปะการังตาย = 1 : 1                  สภาพดีปานกลาง

ปะการังมีชีวิต : ปะการังตาย = 1 : 2                  สภาพเสียหาย

ปะการังมีชีวิต : ปะการังตาย = 1 : 1 ถึง > 3        สภาพเสียหายมาก

 

สถานภาพแนวปะการังบริเวณชายฝั่งทะเลอันดามัน

      ชายฝั่งทะเลอันดามันมีพื้นที่แนวปะการัง 50,800 ไร่ แนวปะการังส่วนใหญ่มีสภาพสมบูรณ์ปานกลาง โดยแนวปะการังในจังหวัดสตูลมีแนวโน้มอยู่ในระดับสมบูรณ์ดีมาก ส่วนแนวปะการังในจังหวัดพังงาและภูเก็ตู่มีแนวโน้มเสื่อมโทรมมากที่สุด (ตารางที่ 2)

ตารางที่ 2 สถานภาพของแนวปะการังบริเวณชายฝั่งทะเลอันดามัน

จังหวัด
พื้นที่ (ไร่)
สถานภาพ
ปะการังชนิดเด่น
สาเหตุการเสื่อมโทรม
ระนอง
1,625
เสียหาย-ดีปานกลาง
ปะการังโต๊ะ ปะการังโขด ปะการังช่องเหลี่ยม ปะการังวงแหวน ปะการังสมอง ปะการังอ่อนหนัง ปะการังดอกไม้ทะเล
ตะกอนจากป่าชายเลน และน้ำค่อนข้างขุ่นเนื่องจากอยู่ใกล้ชายฝั่ง
พังงา
16,000
เสียหายมาก-ดีปานกลาง
ปะการังเขากวาง ปะการังโต๊ะ ปะการังโขด ปะการังดอกกะหล่ำ ปะการังนิ้วมือผิวขรุขระ ปะการังผิวยู่ยี่ ปะการังช่องเล็ก ปะการังดาวใหญ่
ซากปะการังถูกปกคลุมด้วยพรมทะเล (zooanthid) และดอกไม้ทะเลเล็ก (corallimorph) นอกจากนี้ยังเกิดการฟอกขาว และในบางพื้นที่ได้รับความเสียหายจากพิบัติภัยสึนามิ รวมไปถึงความเสียหายจากการทิ้งสมอเรือของเรือท่องเที่ยว
ภูเก็ต
10,375
เสียหายมาก-ดีปานกลาง
ปะการังโขด ปะการังสมองร่องสั่น ปะการังดอกไม้ทะเล ปะการังดอกใหญ่ ปะการังดอกเห็ด ปะการังดอกจอก ปะการังเขากวาง ปะการังสีน้ำเงิน
ผลกระทบจากตะกอนที่เกิดจากการขุดแร่ในทะเลช่วงปี พ.ศ. 2527-2529 และตะกอนที่เกิดจากการพัฒนาชายฝั่ง รวมไปถึงในบางพื้นที่ได้รับความเสียหายจากพิบัติภัยสึนามิ
กระบี่
10,125
ดีปานกลาง
ปะการังโขด ปะการังดาวใหญ่ ปะการังช่องหลี่ยม ปะการังสมอง ปะการังสมองร่องสั้น ปะการังโต๊ะ ปะการังจาน
ผลกระทบจากการฟอกขาวในปี พ.ศ. 2538 และความเสียหายจากการทิ้งสมอเรือ รวมไปถึงในบางพื้นที่ได้รับความเสียหายจากพิบัติภัยสึนามิ
ตรัง
2,812
ดีปานกลาง-ดี
ปะการังโต๊ะ ปะการังช่องเหลี่ยม ปะการังสมองร่องใหญ่ ปะการังโขด ปะการังดาวใหญ่ ปะการังเขากวาง
การระเบิดปลาในอดีต และการระบาดของปลาดาวมงกุฎหนามในปี พ.ศ. 2529
สตูล
9,875
ดีปานกลาง
ปะการังโขด ปะการังเขากวาง ปะการังช่องเหลี่ยมแบบแผ่น ปะการังดอกเห็ด ปะการังโต๊ะ ปะการังช่องหนาม
เกิดปรากฏการณ์ฟอกขาว และบางส่วนถูกพายุพัดทำลาย

หมายเหตุ: ปริมาณปกคลุมพื้นที่ คิดจาก

ปะการังมีชีวิต : ปะการังตาย = >3 ถึง 3 : 1         สภาพดีมาก

ปะการังมีชีวิต : ปะการังตาย = 2 : 1                  สภาพดี

ปะการังมีชีวิต : ปะการังตาย = 1 : 1                  สภาพดีปานกลาง

ปะการังมีชีวิต : ปะการังตาย = 1 : 2                  สภาพเสียหาย

ปะการังมีชีวิต : ปะการังตาย = 1 : 1 ถึง > 3        สภาพเสียหายมาก

ประโยชน์และความสำคัญของแนวปะการัง

      1. แนวปะการังบริเวณชายฝั่งและแนวปะการังแบบกำแพง ช่วยป้องกันชายฝั่งจากการกัดเซาะของคลื่นและกระแสน้ำโดยตรง บริเวณชายฝั่งที่แนวปะการังถูกทำลายจะถูกกัดเซาะอย่างรุนแรงจากคลื่นลมทะเลในฤดูมรสุม

      2. แนวปะการังเป็นแหล่งกำเนิดทรายให้กับชายหาด ทั้งจากการสึกกร่อนของโครงสร้างหินปูน การกัดกร่อนโดยสัตว์ทะเลบางชนิดและจากกระแสคลื่น ซึ่งทำให้หินปูนปะการังแตกละเอียดเป็นเม็ดทรายที่ขาวสะอาด มีการประมาณว่าแร่ธาตุแคลเซียมคาร์บอเนตที่ทับถมในมหาสมุทรนั้น ร้อยละ 50 เกิดจากแนวปะการัง

      3. แนวปะการังเป็นแหล่งอาหารของมนุษย์และยังเป็นที่อยูอาศัยของสัตว์และพืชนานาชนิด ที่อาศัยอยู่เฉพาะในแนวปะการัง เช่น เต่าทะเลและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ได้แก่ ปลาหมึก หอย กุ้ง แมงกะพรุน และปลิงทะเล เป็นต้น

      4. แนวปะการังเป็นแหล่งที่มาของวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง เช่น ปูนขาว กระเบื้อง และทราย

      5. สิ่งมีชีวิตบางชนิดในแนวปะการัง เช่น Sea hare และ Sea fan ผลิตสารพิษเพื่อป้องกันตัวเองนั้น สามารถนำมาสกัดใช้ทำยา เช่น ยาต่อต้านโรคมะเร็ง ยาต่อต้านจุลชีพและน้ำยาป้องกันการตกผลึกและแข็งตัว เป็นต้น

      6. แนวปะการังเป็นเสมือนห้องทดลองทางนิเวศวิทยา ในช่วงเวลา 15 ปีที่ผ่านมา ได้มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับระบบนิเวศในแนวปะการังเพิ่มขึ้นอย่างมากและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต

      7. แนวปะการังจัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวใต้ทะเลที่มีความสวยงาม ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตและน้ำทะเลที่ใสสะอาด ปะการังจึงเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวการดำน้ำและการถ่ายภาพใต้น้ำ

      8. ปะการังเป็นสินค้า มีกิจการส่งออกสินค้าปะการัง เปลือกหอย กระดองเต่า และปลาสวยงาม ซึ่งกลายเป็นอุตสาหกรรมหลักในการผลิตเครื่องประดับที่นิยมไปทั่วโลก ปัจจุบันห้ามการส่งออกปะการังและเต่าทะเลอย่างเด็ดขาด

อ้างอิง : http://www.dnp.go.th/npo/Html/Research/Coralreef/Coralreef_4.htm

การฟื้นฟูแหล่งปะการังและปัจจัยที่ควรพิจารณาประกอบ ---> คลิกที่นี่

ตัวอย่างปะการังที่พบในประเทศไทย

Acropora millepora
Acropora pallifera
Acropora divaricata
Acropora sp.
Alveopora spongiosa
Astreopora gracilis
Cyphastrea serailia
Diploastrea heliopora
Montipora sp.
Echinophyllia aspera
Favia speciosa
Favites abdita
Favites pentagon
Lepastrea sp.
Lobophyllia hemprichii
Pavona decaussata
Pavona frondifera
Pectinia lactuca
Physogyra lichtensteini
Platygyra daedalea
Platygyra sinensis
Podabacia crustacea
Symphyllia agarical
Symphyllia radians
Symphyllia recta
Tubastrea cocinea
Turbinaria frondens
Turbinaria peltata
Favia sp.
Goniastrea pectinata
Goniopora columna
Goniopora sp.
Leptoria phrygia
Lobophyllia sp.
Montastrea valenciennesi
Pachyseris speciosa
Pavona cactus
Pavona venosa
Pocillopora verrucosa
Psammocora contigua
Fungia echinata
Galaxea fascicularis
Leptoseris gardineri
Pocillopora eydouxi
Seriatiopora hystrix
Synaraea rus
Turbinaria reniformis
Mycedium sp.

สัตว์ที่อาศัยในแนวปะการัง

      แนวปะการังเป็นบริเวณที่อุดมสมบูรณ์ มีสัตว์ทะเลนับร้อยชนิดมาอาศัยอยู่รวมกัน ทั้งสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังและมีกระดูกสันหลัง โดยมีปะการังเป็นสัตว์กลุ่มใหญ่ที่สร้างหินปูนออกมาเป็นโครงร่าง และเป็นที่พักพิงอาศัยของสัตว์อื่นๆ ตัวอย่างของสัตว์ที่พบในบริเวณแนวปะการัง ได้แก่
ข้อมูลเพิ่มเติม ---> Click

รูป
ชนิดพันธุ์สัตว์
รายละเอียด
ชื่อไทย : ดอกไม้ทะเล (sea anemones)
ชื่อวิทยาศาสตร์ :
บางบริเวณของแนวปะการังพบดอกไม้ทะเลขนาดใหญ่อาศัยอยู่เป็นกลุ่ม
รูปร่างเป็นทรงกระบอก ด้านล่างเป็นฐานใช้ยึดเกาะกับพื้นหิน
หรือซากปะการัง ด้านบนเป็นหนวดที่มีเข็มพิษใช้ในการจับเหยื่อ
มีปากอยู่ตรงกลาง
ชื่อไทย : เห็ดทะเล (mushroom anemones)
ชื่อวิทยาศาสตร์ :
ดอกไม้ทะเลชนิดหนึ่งที่มีขนาดเล็กลักษณะรูปร่างคล้ายดอกเห็ด
ซึ่งเป็นส่วนของฐานรอบปาก มีหนวดขนาดสั้นเรียงรายอยู่ทั่วไป
และมีสีเขียวสด เนื่องจากมีสาหร่ายอาศัยอยู่ภายในเนื้อเยื่อ
พบเกาะอยู่ตามปะการังระดับน้ำไม่ลึกนัก
ชื่อไทย : พรมทะเล (zoanthid)
ชื่อวิทยาศาสตร์ :
สัตว์ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับดอกไม้ทะเลแต่อาศัยอยู่รวมกันเป็นโคโลนี
ครอบคลุมพื้นที่ด้านในของแนวปะการังบริเวณน้ำตื้นเขตน้ำขึ้นน้ำลง ในบางครั้งที่ระดับน้ำทะเลลดลงพรมทะเลก็สามารถอยู่เหนือน้ำเป็นเวลานานหลายชั่วโมง
ชื่อไทย : กัลปังหา (sea fan)
ชื่อวิทยาศาสตร์ :
สัตว์พวกซีเลนเตอเรทที่อาศัยอยู่รวมกันเป็นโคโลนี ฐานที่รองรับโพลิปเป็นประเภทเขาสัตว์
บางชนิดมีสีแดง ดำ หรือน้ำตาล บางโคโลนีแผ่ออกเป็นแผ่น
และโอนเอนไปมาได้ ตัวโพลิปขนาดเล็ก แต่ละโพลิปมีหนวด 8 เส้น เห็นเป็นตัวเล็กๆ บนกิ่งก้านที่แตกแขนง
ชื่อไทย : ปะการังอ่อน (soft coral)
ชื่อวิทยาศาสตร์ :
ปะการังอ่อนเป็นแอนโทซัว (anthozoa) กลุ่มหนึ่งที่ไม่มีการสร้าง
หินปูนออกมาเป็นฐานรองรับอย่างเดียวกับปะการังแท้จริง แต่อาจมีหนามหรือสปิคุลแทรกอยู่เพื่อทำให้เนื้อเยื่อเกิดความแข็งแรงช่วยค้ำจุนให้คงรูปร่างอยู่ได้
ลักษณะของรูปร่างโคโลนีแตกต่างกัน เช่น คล้ายกิ่งไม้หรือช่อดอกไม้หรือมีสีสันแตกต่างกัน
ชื่อไทย : หนอนดอกไม้พู่ฉัตร
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Spirobranchus giganteus
หนอนปล้องที่ปรับตัวเข้าไปอาศัยอยู่ภายในโครงร่างของปะการัง
โดยยื่นด้านหน้าที่มีขนเวียนเป็นพู่ฉัตรออกมาจากหลอดเพื่อหายใจ
และกินอาหารพู่ขนของหนอนดอกไม้ ซึ่งแต่ละตัวมีสีสันแตกต่างกัน
เช่น แดง เหลือง ฟ้าม่วง น้ำตาล เป็นต้น
ชื่อไทย : หอยเบี้ยโป่งลายเสือ
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cypreae tigris
หอยฝาเดียววงศ์หอยเบี้ย ขนาดค่อนข้างใหญ่กว่าหอยเบี้ย
ชนิดอื่นๆ ขณะอยู่ตามธรรมชาติจะยื่นแมนเติลออกมา
คลุมเปลือกเอาไว้ บนส่วนของแมนเติลมีติ่งยื่นออกมาคล้ายหนาม
ชื่อไทย : กุ้งหัวโขน หรือกุ้งมังกรเขียว
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Panulirus versicolor
กุ้งขนาดใหญ่ ลำตัวยาวประมาณ 30-40 เซนติเมตร
หนวดคู่ที่สองมีขนาดยาวมาก ตรงโคนหนวดมีสีชมพู เปลือกหุ้มส่วนท้องมีสีเขียวสลับด้วยคาดสีขาว
อาศัยอยู่ตามซอกหินใต้น้ำของแนวปะการังฝั่งทะเลอันดามัน
ชื่อไทย : หอยมือเสือ
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Tridacna squamosa
หอยสองฝาที่ใช้เอ็นยึดติดกับพื้นหินเอาไว้
ในเวลากลางวันจะอ้าฝาออกเพื่อให้สาหร่าย
ที่อาศัยอยู่ภายในแมนเติลสังเคราะห์แสง
ซึ่งเป็นการอยู่ร่วมกันแบบเกื้อกูลที่ต่างฝ่ายต่าง
ได้รับประโยชน์ โดยสาหร่ายได้ที่อยู่อาศัยและของเสีย
จากการขับถ่ายของหอยเพื่อการเจริญเติบโต ส่วนหอยได้รับออกซิเจนจากการสังเคราะห์แสงของสาหร่าย
ชื่อไทย : ดาวทะเล
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Protoreaster lincki
แนวปะการังหรือตามพื้นทะเลใกล้แนวปะการังเป็นที่อยู่
อาศัยของดาวทะเลหลายชนิด ที่พบบ่อย คือ ดาวห้าแฉก ด้านบนมีหนามเป็นปุ่มปม ชอบกินสัตว์มีหนามหรือหอยสองฝาเป็นอาหาร
ชื่อไทย : ดาวมงกุฎหนาม
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Acanthaster planci
ดาวทะเลขนาดใหญ่ มีแขนรวมกัน 16 แฉก
ตามผิวหนังมีหนามยาวคล้ายเม่น ปากอยู่ทางด้านล่าง
และชอบกินโพลิปปะการังเป็นอาหาร นักนิเวศวิทยาจึงถือว่า
ดาวมงกุฎหนามเป็นตัวทำลายแนวปะการัง และมีการรณรงค์เก็บ
ดาวมงกุฎหนามมาทำลายเพื่อเป็นการช่วยควบคุม
ประชากรไม่ให้มากเกินไป
ชื่อไทย : ปลิงทะเล (sea cucumber)
ชื่อวิทยาศาสตร์ :
สัตว์มีหนามตามผิวหนัง แต่มีลำตัวอ่อนนิ่ม หนามตามผิวหนัง
มีลักษณะเป็นปุ่มปม รูปร่างเป็นท่อน เคลื่อนที่เชื่องช้า
กินเศษอินทรีย์ตามพื้นเป็นอาหาร หากถูกรบกวนจะตอบสนอง
ต่อสิ่งกระตุ้นด้วยการปล่อยเส้นใยสีขาวออกมาซึ่งมีลักษณะเหนียว
ทำให้ศัตรูไม่กล้าเข้าใกล้
ชื่อไทย : เม่นทะเล
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Diadema setosum
เม่นทะเลหนามยาวสีดำที่พบทั่วไปในน่านน้ำไทยมักอาศัยอยู่บริเวณเดียวกันเป็นกลุ่มตามพื้นหรือบนปะการัง ปากของเม่นทะเลอยู่ทางด้านล่างชอบกินหนอนตามพื้นทะเลหรือล่าพวกเดียวกันเป็นอาหาร
ชื่อไทย : ปลาไหลมอเรย์ (moray eel)
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Gymnothorax sp.
ปลาไหลมอเร่ย์เป็นปลาขนาดค่อนข้างใหญ่ ลักษณะคล้ายงู
มีความยาวประมาณ 1 เมตร ลำตัวมีลายต่างๆ กัน ตามปกติมักซ่อนตัวอยู่ในซอกปะการังและโผล่ส่วนหัวออกมาจับเหยื่อหรือเฝ้าระวังรักษาถิ่นที่อยู่
หากถูกรบกวนอาจฉกกัด
ชื่อไทย : ปลาข้าวเม่าน้ำลึก
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Holocentrus rubrum
ลำตัวสีแดงสลับขาว ตากลมโต เกล็ดหยาบ
ชอบอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงขนาดเล็ก
มักหลบซ่อนตัวอยู่ตามชะง่อนผา หรือกองหินใต้น้ำ
มากกว่าการว่ายน้ำ ปรากฏตัวพบอยู่ตามแนวปะการัง
และเกาะแก่งริมชายฝั่งทะเล
ชื่อไทย : ปลาผีเสื้อครีบยาว
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Heniochus acuminatus
มีครีบขาวยาวเด่นชัด ด้านข้างมีแถบสีดำ
คาดตามขวางในแนวเฉียง 2 แถบ
มักอาศัยอยู่เป็นคู่ หรือเป็นฝูงขนาดย่อม
เนื่องจากปากมีขนาดเล็กจึงมักกินกุ้งหนอน
และเศษอาหารชิ้นเล็กๆ ด้วย
ชื่อไทย : ปลาสิงโต
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pterois volitan
ปลาที่มีครีบซึ่งประกอบด้วยก้านครีบแข็งและ
มีต่อมน้ำพิษอยู่ด้วยใช้สำหรับป้องกันการถูกล่า นับเป็นการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดได้ดีเนื่องจากเป็นปลาที่ว่ายน้ำได้เชื่องช้า
โดยส่วนใหญ่พบทางด้านฝั่งทะเลอันดามัน

อ้างอิง : http://www.geocities.com/metscience/sea/coral/coral.html

 

 

กลับสู่หน้าหลัก